หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555


...สาวน้อยหลงทาง...
ท่ามกลางความกดดันในสภาวะจิตใจของสาวน้อยผู้มากความฝัน...ครุ่นคิด..ทบทวน..สับสน...^^^...เธอวาดฝันไว้ ณ จุดหมายหนึ่ง ตามความรู้สึกของเธอเอง...ว่า..มันถูกที่สุด...สวยงามที่สุด...ทั้งที่จุดหมายนั้นเธอยังไม่เคยไปเลย...มันอยู่ตรงไหนกันน๊ะ...???...เธอตัดสินใจไปตามฝันนั้นของเธอด้วยใจเด็ดเดี่ยวพร้อมรถหรูคู่ใจ...<<<..เธอทิ้งสิ่งที่สมบูณร์ที่สุดแล้วตรงหน้าอย่างไม่อาทร>>>...สองข้างทางมันช่างสวยงามจริงๆ..ธรรมชาติที่เธอหลงใหลไขว่คว้า..กับความอิสระที่ไม่เคยได้รับเลย...มัน
ถูกปลดปล่อยไปตลอดเส้นทาง..........^^^^เวลาผ่านไปๆๆๆๆ
...ความหวาดกลัว...เคว้งคว้าง..มันกำลังคืบคลานมาหาเธอ....แสงสว่างเมื่ออาทิตย์ทอแสงในยามเช้าที่เธอเริ่มออกเดินทางมานั้นมันไม่คงอยู่เสมอไป...บัดนี้...มันมีแต่ความมืดมนอนธการ..ยิ่งเร่งความเร็วยิ่ง..ลึก...ลึก..ลึกเข้าไปเหมือนป่าทึบ...สาวน้อยเธอกำลังหลงทาง...ไม่มีรถผ่าน..ไม่มีผู้คน..ไม่มีแสงสว่า่ง...รถหยุดกึก!...น้ำมันหมด^^^^ล็อครถสนิทเธอไม่ยอมลงจากรถ...เวลาผ่านไป...เริ่มขาดอากาศหายใจ เธอตัดสินใจว่าจะขอเปิดประตูรถเพียงแค่รับอากาศเพื่อชีวิตรอดแล้วจะรีบปิดรถทันที...สาวน้อยรวบรวมความกล้านับ1-2-3 แล้วดึงล็อคประตูขึ้น..เสียงดังกึ๊กประตูปลดล๊อคพร้อมกันสี่ประตูไม่ทันที่เธอจะเปิดประตูรถเอง...พระเจ้า!...
มีคนเปิดประตูข้างคนขับให้เธอ....แล้วพูดว่า "รถเป็นอะไรเหรอครับ"...สาวน้อยใจดีสู้เสือทั้งๆที่เนื้อตัวสั่นใจเต้นแรงแทบหลุดออกมาประมาณว่าหัวใจของเดอะแมช..เธอตอบว่า..."นา..น่ะ..น้ำมานหมด"..."อ๋อ..เหรอครับ"..แล้วจะไปไหนเหรอครับนี่"..สาวน้อยเธอบอกจุดหมายกับชายแปลกหน้า...เขาบอก"อีกไกลลลลล...มากครับ..เอาอย่างนี้ครับ..ไปพักที่บ้านผมก่อน..เดินไปไม่ไกลครับทางโน้น..สาวน้อยเธอมองตามมือชายชี้ไปข้างหน้าเห็นแสงไฟไกลๆนั้นจริงดังว่า...ใจหนึ่งก็กลัว..แต่ด้วยกิริยาท่าทางของเขาทำให้เธอเชื่อใจถึงแม้หน้าตาจะดูเข้มข้นไปบ้าง...เธอหยิบฉวยสัมภาระติดมือไปเล็กน้อย..แล้วเดินตามชายแปลกหน้าไป...ลัดเลาะมาตามทางพอเหงื่อตกนิดๆก็ถึงบ้านหลังหนึ่ง...สาวน้อยเธอยืนตลึงมองไปจุดนั้น...^_^...จุดโน้น..จุดนี้.."นี่ไงจุดหมายของฉัน"เธอพึมพำในลำคอ..."นี่พี่สาวผมครับ ถ้ายังไงคืนนี้ก็นอนกับพี่สาวผมก็ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปซื้อน้ำมันให้แต่เช้า"...แสงไฟที่สาดใบหน้าชายหนุ่มทำให้เธอเห็นเขาได้ชัด..หน้าตาเขาคม เข้ม ถึงแม้มีหนวดเครา..แต่..แววตาเขาอ่อนโยน..บอกว่าเป็นคนมีจิตใจอารี..^_^..
...เมื่อเธออาบน้ำเรียบร้อย...สำรับกับข้าว..วางตรงหน้าเธอ...หลังอาหาร..เธอได้นั่งพูดคุยกับเขา(มันแปลกที่เหมือนสนิทมานานมาก)สาวน้อยเธอคุยเรื่องราวชีวิตที่เหมือนอยู่ในกรงทองล้อมด้วยเพ็ชรและสาเหตุที่เธอเดินทางออกมาตามฝันของเธอ...ชายหนุ่มได้ฟังทุกอย่างแล้วพูดกับเธอว่า..."คนเราต้องอยู่กับความจริง ต้องรู้ว่าเราเป็นใคร มีหน้าที่ทำอะไร แล้วทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด...สิ่งที่เราฝัน ฝันนั้นก็ฝันได้ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฝัน..แต่ความเป็นจริงต่างหากที่เราต้องอยู่กับมัน"...^^^^^^^^...จบการสนทนา...ZZzzzz..
...ถึงรุ่งเช้า...แสงอาทิตย์สาดส่องอีกครั้ง..เหมือนดั่งชีวิตของสาวน้อย...พบแสงสว่างอีกครั้ง...เธอตัดสินใจขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านของเธอซึ่งเป็นความจริงที่ต้องเผชิญ...เพราะ..สาวน้อยเธอมาพบจุดหมายในฝันของเธอแล้ว...ชายหนุ่มผู้นี้คงไม่รู้หรอก...ที่บ้านหลังนี้ มีความสวยงามดั่งบ้านกลางไพรที่เธอฝันอยากได้ มันดูสงบงามตามธรรมชาติ..มันมีคนใจงามมีน้ำใจ..คำว่า"โอบอ้อม อารียังมีใช้อยู่ที่นี่ที่บ้านหลังนี้..^_^...ถึงแม้จะเพียงแค่ข้ามคืน..แต่เธอก็สัมผัสได้ซึ่งในสังคมปัจจุบันมันไม่มี...สาวน้อยเธอโบกมือร่ำลาชายแปลกหน้าผู้มีน้ำใจงามท่านนี้ด้วยใจที่อาวรณ์...แต่ก็จำจากลา
(มันเป็นบ้านในฝัน..แต่มันไม่ใช่บ้านของเธอ)
...สาวน้อย...เธอ...ขอบคุณที่เขาให้ที่พัก..ให้ข้าวมื้ออร่อย..ให้น้ำดื่ม..ให้ความอบอุ่นใจในความปลอดภัย เขาดูแลเธออย่างดี มีน้ำมันเติมใส่ถังกลับบ้านด้วยความสวัสดิภาพ...สาวน้อยกลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัยได้ใช้ชีวิตแบบปกติ กลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง..เพราะชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นช่วยเธอหาทางกลับบ้านได้ในยามที่เธอหลงทาง...เขาเท่ห์มากในหัวใจของฉัน...และเมื่อมันอยู่ในหัวใจแล้ว..มันก็คงจะอยู่ไปจนวันตายนั่นแหละ...
...จบ..แล้ว...จ้าาาาาา...^_^...
...สาวน้อยหลงทาง...
ท่ามกลางความกดดันในสภาวะจิตใจของสาวน้อยผู้มากความฝัน...ครุ่นคิด..ทบทวน..สับสน...^^^...เธอวาดฝันไว้ ณ จุดหมายหนึ่ง ตามความรู้สึกของเธอเอง...ว่า..มันถูกที่สุด...สวยงามที่สุด...ทั้งที่จุดหมายนั้นเธอยังไม่เคยไปเลย...มันอยู่ตรงไหนกันน๊ะ...???...เธอตัดสินใจไปตามฝันนั้นของเธอด้วยใจเด็ดเดี่ยวพร้อมรถหรูคู่ใจ...<<<..เธอทิ้งสิ่งที่สมบูณร์ที่สุดแล้วตรงหน้าอย่างไม่อาทร>>>...สองข้างทางมันช่างสวยงามจริงๆ..ธรรมชาติที่เธอหลงใหลไขว่คว้า..กับความอิสระที่ไม่เคยได้รับเลย...มัน

ถูกปลดปล่อยไปตลอดเส้นทาง..........^^^^เวลาผ่านไปๆๆๆๆ
...ความหวาดกลัว...เคว้งคว้าง..มันกำลังคืบคลานมาหาเธอ....แสงสว่างเมื่ออาทิตย์ทอแสงในยามเช้าที่เธอเริ่มออกเดินทางมานั้นมันไม่คงอยู่เสมอไป...บัดนี้...มันมีแต่ความมืดมนอนธการ..ยิ่งเร่งความเร็วยิ่ง..ลึก...ลึก..ลึกเข้าไปเหมือนป่าทึบ...สาวน้อยเธอกำลังหลงทาง...ไม่มีรถผ่าน..ไม่มีผู้คน..ไม่มีแสงสว่า่ง...รถหยุดกึก!...น้ำมันหมด^^^^ล็อครถสนิทเธอไม่ยอมลงจากรถ...เวลาผ่านไป...เริ่มขาดอากาศหายใจ เธอตัดสินใจว่าจะขอเปิดประตูรถเพียงแค่รับอากาศเพื่อชีวิตรอดแล้วจะรีบปิดรถทันที...สาวน้อยรวบรวมความกล้านับ1-2-3 แล้วดึงล็อคประตูขึ้น..เสียงดังกึ๊กประตูปลดล๊อคพร้อมกันสี่ประตูไม่ทันที่เธอจะเปิดประตูรถเอง...พระเจ้า!...
มีคนเปิดประตูข้างคนขับให้เธอ....แล้วพูดว่า "รถเป็นอะไรเหรอครับ"...สาวน้อยใจดีสู้เสือทั้งๆที่เนื้อตัวสั่นใจเต้นแรงแทบหลุดออกมาประมาณว่าหัวใจของเดอะแมช..เธอตอบว่า..."นา..น่ะ..น้ำมานหมด"..."อ๋อ..เหรอครับ"..แล้วจะไปไหนเหรอครับนี่"..สาวน้อยเธอบอกจุดหมายกับชายแปลกหน้า...เขาบอก"อีกไกลลลลล...มากครับ..เอาอย่างนี้ครับ..ไปพักที่บ้านผมก่อน..เดินไปไม่ไกลครับทางโน้น..สาวน้อยเธอมองตามมือชายชี้ไปข้างหน้าเห็นแสงไฟไกลๆนั้นจริงดังว่า...ใจหนึ่งก็กลัว..แต่ด้วยกิริยาท่าทางของเขาทำให้เธอเชื่อใจถึงแม้หน้าตาจะดูเข้มข้นไปบ้าง...เธอหยิบฉวยสัมภาระติดมือไปเล็กน้อย..แล้วเดินตามชายแปลกหน้าไป...ลัดเลาะมาตามทางพอเหงื่อตกนิดๆก็ถึงบ้านหลังหนึ่ง...สาวน้อยเธอยืนตลึงมองไปจุดนั้น...^_^...จุดโน้น..จุดนี้.."นี่ไงจุดหมายของฉัน"เธอพึมพำในลำคอ..."นี่พี่สาวผมครับ ถ้ายังไงคืนนี้ก็นอนกับพี่สาวผมก็ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปซื้อน้ำมันให้แต่เช้า"...แสงไฟที่สาดใบหน้าชายหนุ่มทำให้เธอเห็นเขาได้ชัด..หน้าตาเขาคม เข้ม ถึงแม้มีหนวดเครา..แต่..แววตาเขาอ่อนโยน..บอกว่าเป็นคนมีจิตใจอารี..^_^..
...เมื่อเธออาบน้ำเรียบร้อย...สำรับกับข้าว..วางตรงหน้าเธอ...หลังอาหาร..เธอได้นั่งพูดคุยกับเขา(มันแปลกที่เหมือนสนิทมานานมาก)สาวน้อยเธอคุยเรื่องราวชีวิตที่เหมือนอยู่ในกรงทองล้อมด้วยเพ็ชรและสาเหตุที่เธอเดินทางออกมาตามฝันของเธอ...ชายหนุ่มได้ฟังทุกอย่างแล้วพูดกับเธอว่า..."คนเราต้องอยู่กับความจริง ต้องรู้ว่าเราเป็นใคร มีหน้าที่ทำอะไร แล้วทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด...สิ่งที่เราฝัน ฝันนั้นก็ฝันได้ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฝัน..แต่ความเป็นจริงต่างหากที่เราต้องอยู่กับมัน"...^^^^^^^^...จบการสนทนา...ZZzzzz..
...ถึงรุ่งเช้า...แสงอาทิตย์สาดส่องอีกครั้ง..เหมือนดั่งชีวิตของสาวน้อย...พบแสงสว่างอีกครั้ง...เธอตัดสินใจขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านของเธอซึ่งเป็นความจริงที่ต้องเผชิญ...เพราะ..สาวน้อยเธอมาพบจุดหมายในฝันของเธอแล้ว...ชายหนุ่มผู้นี้คงไม่รู้หรอก...ที่บ้านหลังนี้ มีความสวยงามดั่งบ้านกลางไพรที่เธอฝันอยากได้ มันดูสงบงามตามธรรมชาติ..มันมีคนใจงามมีน้ำใจ..คำว่า"โอบอ้อม อารียังมีใช้อยู่ที่นี่ที่บ้านหลังนี้..^_^...ถึงแม้จะเพียงแค่ข้ามคืน..แต่เธอก็สัมผัสได้ซึ่งในสังคมปัจจุบันมันไม่มี...สาวน้อยเธอโบกมือร่ำลาชายแปลกหน้าผู้มีน้ำใจงามท่านนี้ด้วยใจที่อาวรณ์...แต่ก็จำจากลา
(มันเป็นบ้านในฝัน..แต่มันไม่ใช่บ้านของเธอ)
...สาวน้อย...เธอ...ขอบคุณที่เขาให้ที่พัก..ให้ข้าวมื้ออร่อย..ให้น้ำดื่ม..ให้ความอบอุ่นใจในความปลอดภัย เขาดูแลเธออย่างดี มีน้ำมันเติมใส่ถังกลับบ้านด้วยความสวัสดิภาพ...สาวน้อยกลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัยได้ใช้ชีวิตแบบปกติ กลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง..เพราะชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นช่วยเธอหาทางกลับบ้านได้ในยามที่เธอหลงทาง...เขาเท่ห์มากในหัวใจของฉัน...และเมื่อมันอยู่ในหัวใจแล้ว..มันก็คงจะอยู่ไปจนวันตายนั่นแหละ...
...จบ..แล้ว...จ้าาาาาา...^_^...

ฝัน สมุดปกหลัง
by..พระอาทิตย์

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทุกข์ยิ่งกว่าน้ำท่วมอีก

คงไม่มีใครปฎิเสธได้ว่า...พี่น้องชาวไทยทั่วประเทศกำลังประสบกับความทุกข์ยากกันอย่างถ้วนทั่วทุกครัวเรือนกับพิบัติภัยทางธรรมชาติที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้กับสถานการณ์น้ำท่วม เห็นพี่น้องคนไทยที่ต้องตัดใจทิ้งบ้านเรือนอันเป็นที่รักเป็นที่อยู่หลับนอนและได้พักพิงไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์....ก็...ที่บ้านนี่แหละ

และหลายชีวิตกว่าสามพันคนที่ได้เข้าไปพึ่งพิงที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต
ก็หวังว่าจะพอบรรเทาความทุกข์ยากลงไปได้บ้างไม่มากก็น้อย...แต่....ณ วันนี้ทางศูนย์เองก็หนีไม่พ้นน้ำท่วมเช่นกัน.....

ทั้งนี้ใช่ว่า...มันเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ศูนย์และบรรดาอาสาสมัครทุกๆท่าน...แต่อุทกภัยที่มากับการที่เขาไม่ฟังเสียงใครเลยและไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่สนแม้เสียงโหยหวลร่ำให้ของคนที่ต้องสูญเสียบ้านเกิดที่อยู่มาแต่อ้อนแต่ออดบางครอบครัวต้องสูญเสียคนรักญาติ พี่น้อง...แต่..สายน้ำที่ไหลหลากมาก็ยังคงไหลเชี่ยวไปตามที่สามารถจะผ่านไปได้..ถ้าเปรียบเป็นคนก็เหมือนกับ ดุ่มๆไปไม่ฟังเสียงใครทั้งนั้น......

สำหรับผู้ประสบภัยที่โชคดีหน่อย...ที่มีญาติอยู่ในแต่ละจังหวัดยังไม่ถูกน้ำท่วม...ก็..อพยพไปอยู่กับญาติดั่งคำว่า"หนีร้อนมาพึ่งเย็น"...แต่...ณ สถานการณ์นี้...มันใช้ไม่ได้/ มันต้อง"หนีเย็นไปพึ่งร้อน"ฟังไม่
ผิดร๊อก...คนที่หนีน้ำมาหนีน้ำเย็น...แต่...ญาติที่คอยรับหน้านั้นสิ...ม...า...น..ร้...อ...น...........

มันไม่ใช่อะไรหรอกน๊ะครอบครัวของฝันเป็นครอบครัวใหญ่...และ...ฝันเป็นคนรักครอบครัวรักหลานๆทุกคนและแคร์ความรู้สึกของทุกๆคน...อุทกภัยครั้งนี้ทุกคนไม่มีใครเตรียมตัวไม่มีใครตั้งตัวทั้งผู้ประสบภัยและผู้รับผิดชอบผู้ประสบภัย.....

ฝัน...เป็นหนึ่งในหลายๆคนที่อยู่ในฐานะผู้รับผิดชอบผู้ประสบภัยน้ำท่วม(ญาตินะเกือบ20คน)ซึ่งฝันอยู่อย่างลำบากใจมากเนื่องจากฝันไม่สามารถดูแลญาติๆได้เป็นอย่างดีเหมือนดั่งเช่นทุกๆครั้งที่ผ่านมา...สาเหตุหลักๆก็คือ
หนึ่งเลยนะ...ฝันกำลังถังแตกพอดี สองนะ...ในบ้านก็รองรับญาติไม่ได้ทั้งหมด...สาม...ญาติที่มาก็ลำบากทั้งต้องตกงานและเงินที่พอมีอยู่บ้างก็หมดลงไปทุกวันๆ..สี่...ฝันกังวลกลัวญาติๆที่ต้องแบ่งแยกไปนอนที่อื่นจะคิดว่าฝันลำเอียงเห็นคนโน้นดีกว่ารักคนนี้มากกว่า....โ...อ้..ย...ปัญหาโลกแตก.....นี่งัย...ที่บอกว่า"หนีเย็นไปพึ่งร้อน" ซึ่งฝันถึงได้บอกงะว่า....มันทุกข์ยิ่งกว่าน้ำท่วมอีก.......


พี่น้องผู้ประสบภัยทุกท่านค๊ะ.....ที่ฝันมาเล่าถ่ายทอดเรื่องราวของครอบครัวของฝันให้พี่น้องฟังน่ะ...ไม่ใช่อะไร..เพียงแต่..ฝันอยากให้กำลังใจพี่น้องชาวไทยผู้ประสบภัยทุกท่านอย่าได้เบื่อ อย่าได้ท้อ
อย่าได้ถือโทษโกรธใคร...เป็นเรื่องปกติที่...แต่ละที่ แต่ละแห่งที่ให้เราได้ไปพักพึ่งพิงนั้น...แน่นอน...มันไม่สามารถสะดวกสบายพร้อมสรรพเหมือนดั่งบ้านเรา....และ เจ้าหน้าที่ทุกหน่อยงานรวมถึงอาสาสมัครผู้มีน้ำใจทุกๆท่าน...ฝันเชื่อมั่นว่า...พวกเขาไม่สามารถที่จะมาดูแลทุกๆคนได้แบบถ้วนทั่วทุกครัวเรือน...ดูฝันสินี่ ขนาดว่าญาติสนิททั้งนั้นนะ จำนวนไม่ถึง20คนฝันยังดูแลไม่ทั่วถึงเลยค่ะ...แล...เจ้าหน้าที่ที่มีน้อยกว่าผู้ประสบภัยและครั้งนี้ได้รับผลน้ำท่วมกันเกือบจะทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ก็ต้องกระจายกำลังกันไป...อย่างที่ฝันบอกน่ะค่ะ ไม่มีใครได้ทันตั้งตัวแม้จะรู้ล่วงหน้าก็ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเช่นนิคมอุสาหกรรมหลายๆที่พังเสียหายเป็นแสนๆล้านพวกเขาก็ต้องก้มหน้ารับกับสิ่งที่เกิดขึ้น......

สุดท้ายฝันก็หวังว่า พี่น้องชาวไทยผู้ประสบภัยทุกท่านจะมีกำลังใจและสู้ต่อไปค่ะ ฝันว่าไม่มีใครให้กำลังใจเราได้ดีกว่าที่เราจะให้กำลังใจกับตัวเราเอง พี่น้องอย่าลืมนะค๊ะ "หมดอะไรก็หมดได้...แต่...อย่าหมดกำลังใจ  เสียอะไรก็เสียได้...แต่...อย่าเสียกำลังใจนะค๊ะ.....

และฝันก็ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนอาสาสมัครทุกๆท่าน ศิลปิน ดารา นักร้องทุกสาขาอาชีพ เพลงทุกๆเพลงที่ร่วมแรงร่วมใจกันถ่ายทอดและให้กำลังใจกับผู้ประสบภัยโดยไม่คิดหวังสิ่งตอบแทน ขอคารวะจิตใจด้วยหัวใจจริงๆค่ะ

ส่วนฝันก็จะทำหน้าที่ดูแลญาติๆที่กำลังได้รับความทุกข์ยากให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ

ฝัน สมุดปกหลัง
by คุณพระอาทิตย์

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แทบไม่เชื่อหูเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น"แม่ง บ้าเปล่าวะ"รู้ม๊ะมีแต่คนเขาด่ากันทั่วโลกแล้ว



อันดนตรีสร้างชีวีให้พวกฉัน


ดนตรีนั้นเปลี่ยนผันสถานการณ์ได้


ดนตรีสื่อให้รู้เตือนจิตใจกาย


ช่วยผ่อนคลาย ยามเหงาเศร้าระทม




              ฝากถึงเพื่อน ฝากถึงพ่อ ต่อใจกัน


             คนตรีนั้นมีหลายหลากในโลกนี้


             สากลมี อีกวิถีของชาวบ้าน


            เป็นตำนานเกิดก่อเพลงพื้นเมือง


(แค่นี้ก่อนหมดเวลาต้องเดินทางแล้ว เดี๋ยวกลับมาต่อละกัน)